ภาพตลกเรื่องอิคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ก็ลอกเรื่องราวประวัติการณ์ของศาลาทองในวัดนี้ให้เป็นปราสาทของท่านโชกุน (โชกุนอาชิกางะ โยชิมิสึ ( Ashikaga Yoshimistsu ) และลูกชายของเขาที่เป็นความเป็นเจ้าของพลับพลาหลังนี้ ก่อนที่จะยกให้เป็นสินทรัพย์ของวัดโรกุนนอนจิ (Rokuonji : อีกชื่อของวัดนี้) ในเวลาสืบมา พลับพลาหลังนี้เคยถูกลอบวางเพลิงในศก พ.ศ.2493 โดยภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัด พระรูปนี้บวชเข้ามาแล้วเกิดมนต์ในรูจีของพระวิหารและคิดว่าการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของวิภาต้องเผาล้มวัตถุแห่งวิภานั้นไปด้วย จึงได้มีการทำใหม่เมื่อพรรษา พ.ศ. 2498 ก่อนทางแก้จะมีการขอพรโดยการประพันธ์ขอพรที่แผ่นไม้ “อิกคิว” โดยส่วนใหญ่จะเขียนขอให้มีสมองหลักแหลม วิทูรแบบอิกคิวซัง
Friday, August 26, 2016
เที่ยวญี่ปุ่น ชมวัดคินคะคุจิ(Kinkakuji Temple) หรือ วัดพลับพลาทอง(Golden Pavilion)
วัดคินคะคุจิ ( Kinkakuji Temple ) หรือว่า วัดพลับพลาที่ประทับทอง ( Golden Pavilion ) เหรออีกชื่อ วัดศาลาทอง เป็นวัดที่ดังเป็นที่รู้จักมักจี่ที่สุดวัดหนึ่งในญี่ปุ่น กล่าวคือหากมาเที่ยวเตร่เกียวโตแล้วไม่ได้มาที่วัดนี้ถือว่ายังไม่มาถึงเกียวโต สร้างเมื่อพรรษา พ.ศ. 1940 ศาลาสีทองที่เห็นในประจุบันเพิ่งจัดหามาการแปะผนังทองไปเมื่อปี พ.ศ.2530 ที่ผ่านมา จึงสังเกตเห็นเหลืองอล่ามก้องกังวานในสระว่ายน้ำอย่างงดงาม
ภาพตลกเรื่องอิคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ก็ลอกเรื่องราวประวัติการณ์ของศาลาทองในวัดนี้ให้เป็นปราสาทของท่านโชกุน (โชกุนอาชิกางะ โยชิมิสึ ( Ashikaga Yoshimistsu ) และลูกชายของเขาที่เป็นความเป็นเจ้าของพลับพลาหลังนี้ ก่อนที่จะยกให้เป็นสินทรัพย์ของวัดโรกุนนอนจิ (Rokuonji : อีกชื่อของวัดนี้) ในเวลาสืบมา พลับพลาหลังนี้เคยถูกลอบวางเพลิงในศก พ.ศ.2493 โดยภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัด พระรูปนี้บวชเข้ามาแล้วเกิดมนต์ในรูจีของพระวิหารและคิดว่าการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของวิภาต้องเผาล้มวัตถุแห่งวิภานั้นไปด้วย จึงได้มีการทำใหม่เมื่อพรรษา พ.ศ. 2498 ก่อนทางแก้จะมีการขอพรโดยการประพันธ์ขอพรที่แผ่นไม้ “อิกคิว” โดยส่วนใหญ่จะเขียนขอให้มีสมองหลักแหลม วิทูรแบบอิกคิวซัง
ภาพตลกเรื่องอิคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา ก็ลอกเรื่องราวประวัติการณ์ของศาลาทองในวัดนี้ให้เป็นปราสาทของท่านโชกุน (โชกุนอาชิกางะ โยชิมิสึ ( Ashikaga Yoshimistsu ) และลูกชายของเขาที่เป็นความเป็นเจ้าของพลับพลาหลังนี้ ก่อนที่จะยกให้เป็นสินทรัพย์ของวัดโรกุนนอนจิ (Rokuonji : อีกชื่อของวัดนี้) ในเวลาสืบมา พลับพลาหลังนี้เคยถูกลอบวางเพลิงในศก พ.ศ.2493 โดยภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัด พระรูปนี้บวชเข้ามาแล้วเกิดมนต์ในรูจีของพระวิหารและคิดว่าการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของวิภาต้องเผาล้มวัตถุแห่งวิภานั้นไปด้วย จึงได้มีการทำใหม่เมื่อพรรษา พ.ศ. 2498 ก่อนทางแก้จะมีการขอพรโดยการประพันธ์ขอพรที่แผ่นไม้ “อิกคิว” โดยส่วนใหญ่จะเขียนขอให้มีสมองหลักแหลม วิทูรแบบอิกคิวซัง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment