ในพิพิธภัณฑสถานยังมี “ระฆังน่านับถือ” (Divine Bell) ของเจ้าแผ่นดินซ็องด็อกกัณฑ์มหาราชซึ่งมักจะอ้างถึงในตำนานเรื่องระฆังเอมิล (Emille bell) ซึ่งเป็นระฆังที่เขื่องที่สุดในเอเชียและมีสำเนียงดังก้องน่าฟังที่สุดด้วย ความหนักเบาถึง 25 ตัน สูง 11 ฟุต ระฆังน่าศรัทธานี้ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงการเรียบเรียงคาบสมุทรเกาหลีในสมัยดินแดนชิลลา โดยนายเคียงด็อก (ค.ศ. 742-765) ดำริให้ประกอบระฆังขึ้นเพื่อเป็นชื่อเสียงแก่พระบิดาคือ ภูบดินทร์ซ็องด็อกมหาราชความมานะในการหล่อครั้งแรกพังทลาย แต่อย่างไรก็ตาม ในชันษาค.ศ. 771 ก็ประสบผลสำเร็จโดยตรงกับรัชสมัยของเทเวศฮีกอง โอรสของเทเวศวร์เคียงด็อก โดยใช้ทองแดงสิ้นเชิง 25 ตัน ตามประวัติศาสตร์ว่าด้วยระฆังใบนี้เล่าว่า มีความนัยที่จะทำเอาเสียงระฆังใบนี้จ้อกแจ้กกังวานมธุร แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด เท่าที่มีพระสงฆ์องค์หนึ่งให้ข้อแนะนำว่าต้องนำเด็กสาวโยนย่างเหยียบในการรวมทองแดงจึงจะทำเอาระฆังมีเสียงกังวานและมวลมนุษย์ก็ประพฤติตาม ต่อมาเหล่าพระสงฆ์ได้ตัดสินว่าเสียงระฆังที่ดัง “Emi, emi…” เป็นสำเนียงที่เด็กคนนั้นพร้องเพรียกหาแม่ของเธอ อันเป็นที่มาว่าเหตุใดระฆังน่าเลื่อมใสใบนี้จึงเป็นที่รู้จักกันว่า “Emille Bell” พิพิธภัณฑสถานเปิดให้เข้ามองทุกเมื่อเชื่อวัน ยกเลิกวันจันทร์ เวลา 09.00-18.00 น. ไม่สิ้นชีพค่าเข้าชมทุกวันเสาร์ เวลา 13.30 น.
Friday, August 19, 2016
เที่ยวเกาหลี ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเคียงจู (Gyeongju National Museum)
เป็นสถานที่น่ารู้อย่างมาก เพราะเป็นที่รักษาของเก่าในสมัยขอบเขตชิลลา รวมไปถึงมงกุฎอุไร เครื่องถ้วยชาม พุทธปฏิมา และหินแกะสลัก
ในพิพิธภัณฑสถานยังมี “ระฆังน่านับถือ” (Divine Bell) ของเจ้าแผ่นดินซ็องด็อกกัณฑ์มหาราชซึ่งมักจะอ้างถึงในตำนานเรื่องระฆังเอมิล (Emille bell) ซึ่งเป็นระฆังที่เขื่องที่สุดในเอเชียและมีสำเนียงดังก้องน่าฟังที่สุดด้วย ความหนักเบาถึง 25 ตัน สูง 11 ฟุต ระฆังน่าศรัทธานี้ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงการเรียบเรียงคาบสมุทรเกาหลีในสมัยดินแดนชิลลา โดยนายเคียงด็อก (ค.ศ. 742-765) ดำริให้ประกอบระฆังขึ้นเพื่อเป็นชื่อเสียงแก่พระบิดาคือ ภูบดินทร์ซ็องด็อกมหาราชความมานะในการหล่อครั้งแรกพังทลาย แต่อย่างไรก็ตาม ในชันษาค.ศ. 771 ก็ประสบผลสำเร็จโดยตรงกับรัชสมัยของเทเวศฮีกอง โอรสของเทเวศวร์เคียงด็อก โดยใช้ทองแดงสิ้นเชิง 25 ตัน ตามประวัติศาสตร์ว่าด้วยระฆังใบนี้เล่าว่า มีความนัยที่จะทำเอาเสียงระฆังใบนี้จ้อกแจ้กกังวานมธุร แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด เท่าที่มีพระสงฆ์องค์หนึ่งให้ข้อแนะนำว่าต้องนำเด็กสาวโยนย่างเหยียบในการรวมทองแดงจึงจะทำเอาระฆังมีเสียงกังวานและมวลมนุษย์ก็ประพฤติตาม ต่อมาเหล่าพระสงฆ์ได้ตัดสินว่าเสียงระฆังที่ดัง “Emi, emi…” เป็นสำเนียงที่เด็กคนนั้นพร้องเพรียกหาแม่ของเธอ อันเป็นที่มาว่าเหตุใดระฆังน่าเลื่อมใสใบนี้จึงเป็นที่รู้จักกันว่า “Emille Bell” พิพิธภัณฑสถานเปิดให้เข้ามองทุกเมื่อเชื่อวัน ยกเลิกวันจันทร์ เวลา 09.00-18.00 น. ไม่สิ้นชีพค่าเข้าชมทุกวันเสาร์ เวลา 13.30 น.
ในพิพิธภัณฑสถานยังมี “ระฆังน่านับถือ” (Divine Bell) ของเจ้าแผ่นดินซ็องด็อกกัณฑ์มหาราชซึ่งมักจะอ้างถึงในตำนานเรื่องระฆังเอมิล (Emille bell) ซึ่งเป็นระฆังที่เขื่องที่สุดในเอเชียและมีสำเนียงดังก้องน่าฟังที่สุดด้วย ความหนักเบาถึง 25 ตัน สูง 11 ฟุต ระฆังน่าศรัทธานี้ประดิษฐ์ขึ้นในช่วงการเรียบเรียงคาบสมุทรเกาหลีในสมัยดินแดนชิลลา โดยนายเคียงด็อก (ค.ศ. 742-765) ดำริให้ประกอบระฆังขึ้นเพื่อเป็นชื่อเสียงแก่พระบิดาคือ ภูบดินทร์ซ็องด็อกมหาราชความมานะในการหล่อครั้งแรกพังทลาย แต่อย่างไรก็ตาม ในชันษาค.ศ. 771 ก็ประสบผลสำเร็จโดยตรงกับรัชสมัยของเทเวศฮีกอง โอรสของเทเวศวร์เคียงด็อก โดยใช้ทองแดงสิ้นเชิง 25 ตัน ตามประวัติศาสตร์ว่าด้วยระฆังใบนี้เล่าว่า มีความนัยที่จะทำเอาเสียงระฆังใบนี้จ้อกแจ้กกังวานมธุร แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด เท่าที่มีพระสงฆ์องค์หนึ่งให้ข้อแนะนำว่าต้องนำเด็กสาวโยนย่างเหยียบในการรวมทองแดงจึงจะทำเอาระฆังมีเสียงกังวานและมวลมนุษย์ก็ประพฤติตาม ต่อมาเหล่าพระสงฆ์ได้ตัดสินว่าเสียงระฆังที่ดัง “Emi, emi…” เป็นสำเนียงที่เด็กคนนั้นพร้องเพรียกหาแม่ของเธอ อันเป็นที่มาว่าเหตุใดระฆังน่าเลื่อมใสใบนี้จึงเป็นที่รู้จักกันว่า “Emille Bell” พิพิธภัณฑสถานเปิดให้เข้ามองทุกเมื่อเชื่อวัน ยกเลิกวันจันทร์ เวลา 09.00-18.00 น. ไม่สิ้นชีพค่าเข้าชมทุกวันเสาร์ เวลา 13.30 น.
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment